วันอาทิตย์ที่ 4 กันยายน พ.ศ. 2559

Future Perfect Continuous Tense

Future Perfect Continuous Tense

Future  ฟิวเชอะ= อนาคต

Perfect เพอเฟ็คท= สมบูรณ์
ที่บอกว่าเป็น “อนาคตสมบูรณ์”  หมายถึง ในช่วงเวลาหนึ่งของอนาคต จะมีเหตการณ์หนึ่งได้ทำเสร็จสิ้นลงไปแล้ว (เช่น ฉันคงจะทำอะไรบางอย่างเสร็จแล้วนะ เมื่อถึงเวลานั้น เป็นต้น)

หลักการใช้

 ใช้กล่าวถึงเหตุการณ์ที่จะทำเสร็จสมบูรณ์  ณ เวลาหนึ่งในอนาคต
  • แบบมีเหตุการณ์เดียว  ส่วนมากจะระบุเวลาในอนาคตด้วย เช่น
    • will have eaten breakfast at 8 o’clock tomorrow.
      ฉันจะกินข้าวเช้าเรียบร้อยแล้ว เวลา 8 นาฬิกา วันพรุ่งนี้
      หมายความว่า พรุ่งนี้เวลา 8 นาฬิกา ฉันจะกินข้าวเสร็จแล้วเรียบร้อย ถ้าจะซื้ออะไรมาฝากก็ต้องมาก่อนหน้านี้นะ
    • Tomorrow morning, we will have finished our project.
      พรุ่งนี้เช้า พวกเราจะดำเนินโครงการของพวกเราเสร็จแล้ว
      หมายความว่า พรุ่งนี้ตอนเช้า โครงการทำดำเนินมาเป็นเดือนจะเสร็จสมบูรณ์ พร้อมส่งมอบ  อ่านเพิ่มเติม

Future Perfect Tense

Future Perfect Tense

Future  ฟิวเชอะ= อนาคต

Perfect เพอเฟ็คท= สมบูรณ์
ที่บอกว่าเป็น “อนาคตสมบูรณ์”  หมายถึง ในช่วงเวลาหนึ่งของอนาคต จะมีเหตการณ์หนึ่งได้ทำเสร็จสิ้นลงไปแล้ว (เช่น ฉันคงจะทำอะไรบางอย่างเสร็จแล้วนะ เมื่อถึงเวลานั้น เป็นต้น)

หลักการใช้

 ใช้กล่าวถึงเหตุการณ์ที่จะทำเสร็จสมบูรณ์  ณ เวลาหนึ่งในอนาคต
  • แบบมีเหตุการณ์เดียว  ส่วนมากจะระบุเวลาในอนาคตด้วย เช่น
    • will have eaten breakfast at 8 o’clock tomorrow.
      ฉันจะกินข้าวเช้าเรียบร้อยแล้ว เวลา 8 นาฬิกา วันพรุ่งนี้
      หมายความว่า พรุ่งนี้เวลา 8 นาฬิกา ฉันจะกินข้าวเสร็จแล้วเรียบร้อย ถ้าจะซื้ออะไรมาฝากก็ต้องมาก่อนหน้านี้นะ
    • Tomorrow morning, we will have finished our project.
      พรุ่งนี้เช้า พวกเราจะดำเนินโครงการของพวกเราเสร็จแล้ว
      หมายความว่า พรุ่งนี้ตอนเช้า โครงการทำดำเนินมาเป็นเดือนจะเสร็จสมบูรณ์ พร้อมส่งมอบ  อ่านเพิ่มเติม

Future Continuous Tense

Future Continuous Tense

Future  ฟิวเชอะ= อนาคต

Continuous  คอนทินิวอัส= ต่อเนื่อง
ที่บอกว่า “อนาคตกำลังทำ” หมายถึง ในช่วงเวลาหนึ่งของอนาคต จะมีเหตุการณ์หนึ่งกำลังเกิดขึ้นอยู่ (เช่น ฉันคงกำลังทำอะไรอยู่นะ ในช่วงเวลานั้น เป็นต้น)

หลักการใช้

ใช้กล่าวถึงเหตุการที่กำลังเกิดขึ้นในอนาคต หมายความว่า ณ ช่วงเวลาหนึ่งในอนาคต ฉันกำลังทำอะไรบางอย่างอยู่นะ ซึ่งนานๆ นานมากกว่าจะได้พูดทีหนึ่ง ในที่นีขอยกตัวอย่างมาให้ดู  2 แบบนะครับ คือ มีเหตุการณ์เดียว และมีสองเหตุการณ์เกิดขึ้นไล่เลี่ยกัน
  • แบบมีเหตุการณ์เดียว  ส่วนมากจะระบุเวลาในอนาคตด้วย เช่น
    • will be reading books at 8 o’clock tomorrow.
      ฉันจะกำลังอ่านหนังสือเวลา 8 นาฬิกา วันพรุ่งนี้
      หมายความว่า พรุ่งนี้เวลา 8 นาฬิกา ฉันกำลังอ่านหนัสืออยู่นะ ไม่เชื่อรอดูก็จะเห็น
    • At nine o’clock tomorrow, we will be working on farm.
      พรุ่งนี้เวลา 9 นาฬิกา พวกเราจะกำลังทำงานในฟาร์ม
      หมายความว่า พรุ่งนี้ตอนเช้า ถ้าคุณมาฟาร์มของเรา คุณก็จะเห็นพวกเรากำลังทำงานอยู่  อ่านเพิ่มติม

Future Simple Tense

Future Simple Tense

Future Simple Tense

Future  ฟิวเชอะ= อนาคต
Simple  ซิมเพิล = ธรรมด
ที่บอกว่า “อนาคตธรรมดา หมายถึง ในช่วงเวลาหนึ่งของอนาคต จะมีเหตุการณ์หนึ่งเกิดขึ้น (เช่น ฉันจะทำอะไรบางอย่าง ในเวลานั้น เป็นต้น)

หลักการใช้

  • หลักการใช้ Future Simple Tenseใช้กล่าวถึงเหตุการณ์ที่จะเกิดในอนาคต หรือถ้าพูดง่ายๆคือ จะทำอย่างโน้น อย่างนี้ ในวันข้างหน้า ซึ่งโดยปกติจะมีคำบ่งบอกอนาคตเหล่านี้อยู่ด้วย
    • tonight ทุไนท คืนนี้
    • tomorrow ทุมอโร  พรุ่งนี้
    • next (เน็กซ์ = ถัดไป) +เวลา,  วัน, สัปดาห์, เดือน, ปี, ฤดูกาล หรือ อื่นๆ….
      – next hour เน็กซ์เอาเวอะ ชั่วโมงถัดไป
      – next Monday, next Tuesday, next Wednesday…..
      – next week  เน็กซ์วีค สัปดาห์ถัดไป
      – next month เน็กซ์มันธ เดือนถัดไป
      – next spring,  next summer, next fall, next winter / next hot season, next rainy season, next hot season
      – next year เน็กซ์เยีย ปีถัดไป   อ่านเพิ่มเติม

Past Perfect Continuous Tense

 Past Perfect Continuous Tense

Past  พาสท= อดีต

Perfect  เพอเฟ็คท = สมบูรณ์
Continuous คอนทินิวอัส = ต่อเนื่อง
Past Perfect Continuous Tense หมายถึง เหตุการณ์ได้เกิดขึ้นแล้วมาระยะเวลาหนึ่ง และจะดำเนินต่อเนื่องไปอีก

หลักการใช้

ใช้บอกเหตุการณ์ที่ได้เกิดขึ้นแล้ว เป็นระยะเวลาหนึ่ง แล้วมีอีกเหตุการณ์เข้ามาแทรกกลางคัน
หมายความว่ามันมีสองเหตุการณ์ (สอง Tense ) และต้องใช้ตามนี้ คือ
  • เหตุการณ์ที่เกิดก่อนและกำลังเกิดขึ้นอยู่เป็นระยะเวลาหนึ่ง (ใช้ Past Perfect Continuous Tense)
  • เหตุการณ์ที่เกิดทีหลัง (ใช้ Past Simple Tense)  อ่านเพิ่มเติม

วันเสาร์ที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2559

Past Perfect Tense

Past Perfect Tense

Past Perfect Tense (Tense อดีตสมบูรณ์)

Past  พาสท= อดีต
Perfect  เพอเฟ็คท = สมบูรณ์
คำว่าสมบูรณ์ใน Tense นี้หมายความว่าเหตุการณ์ดังกล่าวจบลงไปแล้ว หรือสิ้นสุดแล้วอย่างสิ้นเชิง ต่างกับ Present Perfect Tense ซี่งกล่าวถึงเหตุที่ดำเนินมาถึงปัจจุบันและจะดำเนินต่อไปในอนาคต (ถ้าไม่เข้าใจอ่านทวนอีกรอบ ถ้าไม่เข้าใจอีกเดี๋ยวค่อยดูตัวอย่าง และจินตนาการตามแล้วกัน)

หลักการใช้

ใช้บอกเหตุการณ์ในอดีตที่สิ้นสุดไปแล้ว ก่อนจะมีอีกเหตุการณ์เข้ามาแทรกทีหลัง
หมายความว่ามันมีสองเหตุการณ์ (คล้าย past continuous) และต้องใช้ตามนี้ คือ
  • เหตุการณ์ที่เกิดก่อน (ใช้ Past Perfect Tense)
  • เหตุการณ์ที่เกิดทีหลัง (ใช้ Past Simple Tense)
**** ให้ท่องว่า พาสเพอ (past per) เกิดก่อน พาสซิม (past sim) เกิดหลัง 
(เป็นครั้งที่ 2 ที่ past simple เป็นพระรองเพราะเกิดหลัง)
ตัวอย่างแนวข้อสอบ
The train………………..when we………………. to the station.
a. has left, get   b. had left, had got
c. left, had got  d. had left, got
ใจความของประโยคข้างบนคือว่า ” รถไฟออกไป ตอนที่เราไปถึงสถานี “
ทีนี้ก็ต้องถามตัวเองแล้วว่า ระหว่าง รถไฟออกไป กับ เราไปถึงสถานี เหตุการณ์ไหนเกิดก่อน  คำตอบต้องเป็นรถไฟออกไปก่อนใช่ไหมเอ่ย แล้วเราก็มาใส่สูตรเข้าไป พาสเพอ (past per) เกิดก่อน พาสซิม (past sim) เกิดหลัง   อ่านเพิ่มเติม

Past Continuous Tense

Past Continuous Tense

Past Continuous Tense (Tense อดีตกำลังทำ)

Past  พาสท= อดีต
Continuous คอนทินิวอัส = ต่อเนื่อง
คำว่า was, were คือ ช่องที่ 2 ของ verb to be (is, am, are)
was อ่านว่า เวิส มาจาก is
were อ่านว่า เวอ มาจาก are

หลักการใช้

1. ใช้เล่าเหตุการที่กำลังเกิดขึ้นในอดีต เช่น
เมื่อวานนี้ฉันไปเที่ยวสวนสาธารณะแล้วก็เห็นอะไรหลายๆอย่างดังนี้
เมื่อวานครอบครัวของฉันไปสวนสาธารณะมา ฉันกำลังกินอาหารว่าง แม่กำลังอ่านหนังสือพิมพ์ คุณพ่อกับน้องชายกำลังเล่นฟุตบอล ส่วนน้องสาวกับเพื่อนๆของเธอกำลังเล่นวอลเลย์บอล  หมาของฉันกำลังนอนหลับอยู่ใต้ต้นไม้ มันเป็นวันที่สดใสจริงๆ
My family went to the park yesterday. I was eating some snacks. My mom was reading a newspaper. My dad and my brother were playing football. My sister and her friends were playing volleyball. My dog was sleeping under the tree. It was a really beautiful day.   อ่านเพิ่มเติม

Past Simple Tense

Past Simple Tense

Past  พาสท= อดีต
Simple  ซิ๊มเพิล = ธรรมดา

 หลักการใช้

Past Simple Tense ถือว่าง่ายที่สุดเลยเพราะประธานทุกตัวใช้กริยาช่องสองเหมือนกัน (เว้น was ใช้กับประธานเอกพจน์, were ใช้กับประธานพหูพจน์) ให้จำหลักสำคัญของ Tense นี้ไว้ว่า เป็นการเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นในอดีต และก็จบลงไปแล้วด้วย ไม่เกี่ยวข้องกับปัจจุบัน
1. ใช้เล่าเหตุการณ์ในอดีต ที่จะระบุเวลากำกับ หรือรู้กันดีว่ามันเกิดในอดีตนะ
  • เล่าเหตุการณ์ที่มีเวลากำกับ คำกำกับเวลาที่พบบ่อย ได้แก่
    – yesterday  เย็สเตอเด  เมื่อวาน
    – last + เวลา/ วัน/ สัปดาห์/ เดือน/ฤดู/  ปี เช่น
    last hour ลาสท เอาเวอะ ชั่วโมงที่แล้ว
    last night ลาสทไนท คืนที่แล้ว
    last Monday ลาสท มันเด จันทร์ที่แล้ว  last Tuesday อังคารที่แล้ว……
    last month ลาสท มันธ เดือนที่แล้ว
    last Christmas ลาสท คริสมัส คริสต์มาสที่แล้ว
    last Summer ลาสท ซัมเมอะ หน้าร้อนที่แล้ว Last winter ลาสท วินเทอะ หน้าหนาวที่แล้ว
    last year ลาสท เยีย ปีที่แล้ว   อ่านเพิ่มเติม

Present Perfect Continuous Tense

 Present Perfect Continuous Tense

Present  เพร๊เซินท= ปัจจุบัน

Perfect เพอเฟ็คท = สมบูรณ์
Continuous คอนทินิวอัส = ต่อเนื่อง

หลักการใช้

  • ใช้เหมือนกับ present perfect tense  ข้อที่ 1 เท่านั้น  (เหตการณ์ที่เกิดในอดีต ดำเนินมาถึงปัจจุบัน และต่อเนื่องไปในอนาคต) ทุกประการ แต่เป็นการเน้นว่าทำต่อเนื่อง
  • กริยาที่นำมาเติม ing ให้อ้างอิง present continuous tense ทุกประการเหมือนกัน

ตัวอย่าง เปรียบเทียบระหว่าง present perfect กับ present perfect continuous เพื่อให้เห็นความแตกต่าง

He’s worked in the garden since 8 o’clock.
เขาทำงานในสวนตั้งแต่ 8 โมงเช้า (อาจจะทำบ้าง นั่งพักบ้าง แต่ว่าเริ่มทำตั้งแต่ 8 โมง)
He’s been working in the garden since 8 o’clock.
เขาทำงานในสวนตั้งแต่ 8 โมงเช้า (ทำแบบไม่หยุดพักเลย ตั้งแต่ 8 โมงเรื่อยมา แบบว่าขยันมากๆ)
It has rained for three hours.
ฝนตกเป็นเวลา 3 ชั่วโมง (ประโยคนี้เป็นแบบธรรมดา ไม่เน้น)
It has been raining for three hours.
ฝนตกเป็นเวลา 3 ชั่วโมง  (ประโยคนี้ผู้เขียนอยากให้เห็นภาพว่า ฝนตกแบบไม่ขาดสายต่อเนื่องมาจนบัดนี้)
A boy has played football since 3 o’clock.
เด็กชายเล่นฟุตบอลตั้งแต่ 3 โมง (เล่นไป พักไปถ้าเหนื่อย)
A boy has been playing football since 3 o’clock.
เด็กชายเล่นฟุตบอลตั้งแต่ 3 โมง (วิ่งอยู่ในสนามตลอด เหมือนไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย)  อ่านเพิ่มเติม

Present Perfect Tense

Present Perfect Tense

Subject + has/have + Verb3
 
 
หลักการใช้ Present Perfect Tense

 
1.ใช้กับเหตุการณ์ที่ เกิดขึ้นในอดีต และดำเนินต่อเนื่องมายังปัจจุบัน และมีแนวโน้นที่จะดำเนินต่อไปได้อีกในอนาคต เช่น 
 
I have had a lot of toys.
ฉันมีของเล่นมากมาย (และอาจจะมีของเล่นเพิ่มขึ้นอีกในอนาคต)
 
2.ใช้กับเหตุการณ์ในอดีตที่ เกิดขึ้นและสิ้นสุดลงแล้ว แต่ยังส่งผลมายังปัจจุบัน เช่น
 
It has stopped raining.
ฝนหยุดตกแล้ว (แต่ถนนยังเปียกอยู่)
 
3.ใช้พูดถึง เหตุการณ์หรือการกระทำที่เกิดขึ้นซ้ำๆกัน ในช่วงเวลาหนึ่งระหว่างอดีตและปัจจุบัน โดยมักใช้คำว่า many/several times, a lot of times, …times, again and again, over and over และอื่นๆ เช่น
 
I’ve read this book more than 3 times. (ฉันอ่านหนังสือเล่มนี้มามากกว่าสามรอบแล้ว)  อ่านเพิ่มเติม

Present Continuous Tense

Present Continuous Tense

หลักการใช้

  • การย่อรูปกริยา is am are
1. ใช้กล่าวเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นขณะที่พูดอยู่ หรือในระหว่างอาทิตย์นั้น เดือนนั้นก็ได้ ซึ่งอาจจะมีคำเหล่านี้อยู่ด้วยก็ได้
now / right now  ตอนนี้
at the moment  ตอนนี้
หลักการแปล ให้แปลรวบ is am are กับกริยาที่เติม ing ว่า ” กำลัง….”
  • am studying  hard, John. จอห์น ฉันกำลังเรียนหนักนะ (ไม่ใช่ขณะนี้ แต่เป็นพักนี้)
  • Most students are using mobile phones. นักเรียนส่วนใหญ่กำลัง(นิยม)ใช้โทรศัพท์มือถือ (ไม่ใช่ขณะนี้ แต่เป็นปัจจุบันนี้)
  • He is driving a car. เขากำลังขับรถ
  • She‘s eating an apple. หล่อนกำลังกินแอปเปิ้ล
  • It is raining at the moment. มันกำลังฝนตกขณะนี้ (ฝนกำลังตก)
  • A cat is sleeping in the room. แมวกำลังนอนหลับในห้อง
  • You are sitting on my book. คุณกำลังนั่งบนหนังสือของฉัน
  • We are running right now. พวกเรากำลังวิ่งขณะนี้
  • They are going to school. พวกเขากำลังไปโรงเรียน    อ่านเพิ่มเติม

Present Simple Tense

Present Simple Tense (Tense ปัจจุบันธรรมดา)
Present  เพร๊เซินท= ปัจจุบัน
Simple ซิ๊มเพิล = ธรรมดา

โครงสร้าง

S + V1 (ประธานเอกพจน์ กริยาเติม s,es)
ประธาน + กริยาช่องที่ 1 (ถ้าประธานเป็นเอกพจน์ กริยาต้องเติม s หรือ es แล้วแต่กรณี)
S + กริยาช่วย + V1
ประธาน + กริยาช่วย + กริยาช่องที่ 1 (ไม่ต้องเติม s ทุกกรณี)
กริยาช่วยที่ใช้บ่อยคือ can, should, must
Tense นี้ค่อนข้างจะยุ่งยากนิดหน่อยตรงที่ประธานเอกพจน์ต้องเติม s ส่วนประธานพหูพจน์ไม่ต้องเติม สิ่งที่จะสร้างความยุ่งยากนิดหนึ่งคือการเติม s เพราะกริยาบางตัวต้องเติม es ไม่ใช่แค่ s เฉยๆ แต่ไม่ใช่เรื่องยากถ้าได้ศึกษาการเติม s ที่่ อ่านเพิ่มเติม